สังกะสีบริสุทธิ์ SHG ความบริสุทธิ์ที่มีประสิทธิภาพในการชุบกัลวาไนซ์

การชุบกัลวาไนซ์วิธีที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและทนทานของเหล็ก

 

สนิมเป็นปฏิกิริยาที่พบเห็นได้บ่อยที่เกิดกับเหล็กและเหล็กกล้า โดยในการก่อสร้างหรืองานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มักมีเหล็กเป็นส่วนประกอบและมีโอกาสในการสัมผัสกับน้ำ ความชื้น และออกซิเจน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวที่ก่อให้เกิดสนิมที่ทำให้เหล็กเกิดการผุกร่อนได้ง่าย ส่งผลถึงประสิทธิภาพของเหล็กด้านความแข็งแรงและทนทาน หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดความเสียหายในอนาคต ดังนั้นในหลายอุตสาหกรรมก่อนนำเหล็กมาใช้งาน จึงนิยมนำเหล็กไปชุบกัลวาไนซ์ซึ่งวัตถุที่สำคัญที่นำมาใช้ในการชุบก็คือสังกะสีซึ่งเป็นโลหะที่ใช้ในการป้องกันการเกิดสนิมบนเหล็กได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสังกะสีมีศักย์ไฟฟ้าที่ต่ำกว่าเหล็ก เมื่อต้องสัมผัสความชื้นหรือออกซิเจนสังกะสีจะทำปฏิกิริยากับปัจจัยดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าที่ต่ำกว่าจะเกิดปฏิกิริยาการกัดกร่อนที่ไวกว่าจึงทำให้สนิมไม่เกิดในชั้นของเหล็กเพราะถูกสังกะสีเคลือบอยู่การป้องกันแบบนี้เรียกว่าแคโทดิก ซึ่งในปัจจุบันได้มีการเติบโตของโรงงานชุบกัลวาไนซ์อย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งในของโลหะสังกะสีโลหะก็มีการคิดค้นและพัฒนาเพื่อให้สังกะสีที่มีประสิทธิภาพในการชุบกัลวาไนซ์จนได้สังกะสีบริสุทธิ์ SHG ซึ่งเป็นสังกะสีที่มีความบริสุทธิ์สูง จึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมเป็นอย่างดี

สังกะสีบริสุทธิ์ SHG (Special high grade) เกราะป้องกันเหล็กให้ห่างไกลจากสนิม
สังกะสีเป็นแร่ที่อยู่ในรูปของโลหะหรือธาตุอิสระซึ่งในอดีตมีการถลุงและสกัดสังกะสีที่ไม่บริสุทธิ์ในประเทศจีนและอินเดียเพื่อนำไปใช้งานในอุตสาหกรรม จนกระทั่งค.ศ.1,000 ในยุโรปได้มีการนำสังกะสีที่สกัดค่อนข้างบริสุทธิ์นำมาใช้งานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และด้วยเทคโนโลยีทำให้สามารถสกัดสังกะสีให้มีความบริสุทธิ์สูงได้ซึ่งมีชื่อเรียกว่าสังกะสีบริสุทธิ์ SHG (Special High Grade Zinc) โดยคุณสมบัติของสังกะสีบริสุทธิ์ SHG จะมีเนื้อโลหะสังกะสีบริสุทธิ์ ร้อยละ 99.995 โดยมีสิ่งเจือปนรวมแล้วต่ำกว่าร้อยละ 0.005 มีจุดเดือดที่ต่ำกว่าสังกะสีทั่วไปคือ 419 องศาเซลเซียส มีลักษณะขาววาว คล้ายเงิน ละลายได้ดีในกรดและด่าง และโดยส่วนใหญ่หากนำมาใช้ในโรงงานชุบกัลวาไนซ์สังกะสีบริสุทธิ์ SHG ควรได้รับมาตรฐานเพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของโลหะสังกะสี เช่น มาตรฐาน EN1179:2003, ISO752:2004, JIS H2107-1999 และ ASTM B6-12 เพื่อทำให้การชุบกัลวาไนซ์มีประสิทธิภาพในการปกป้องเหล็กมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการชุบกัลวาไนซ์ที่เป็นที่นิยมในการนำมาชุบเหล็กคือการชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้เหล็กมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น

 
การชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน วิธีที่ช่วยทำให้เหล็กมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

การชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน เป็นวิธีการที่นำเหล็กลงไปชุบไปในบ่อสังกะสีซึ่งในโรงงานชุบกัลวาไนซ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานจะเลือกใช้สังกะสีบริสุทธิ์ SHG ในการชุบเหล็ก ซึ่งในบ่อสังกะสีจะเป็นสังกะสีที่กำลังหลอมละลายในอุณหภูมิ 419-455 องศาเซลเซียส ความหนาของชั้นโลหะสังกะสีที่ป้องกันเหล็กจะขึ้นอยู่กับเวลาในการแช่ในบ่อ เมื่อนำเหล็กออกจากบ่อสังกะสีและทำให้เย็นลงน้ำสังกะสีจะแห้งและเคลือบที่ผิวเหล็ก ซึ่งเหล็กที่ถูกชุบจะมีความหนาประมาณ 65-300 ไมครอน โดยกระบวนการในการจุ่มมีหลายขั้นตอนดังนี้


กระบวนการชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน

  1. การเตรียมเหล็กให้พร้อมสำหรับการชุบกัลวาไนซ์
    เริ่มตั้งแต่ขนาดของเหล็กที่ต้องการชุบ โดยควรมีการวางแผนให้ขนาดเหล็กมีขนาดที่สามารถชุบในบ่อกัลวาไนซ์ได้ ดังนั้นก่อนจะทำการตัดเหล็กควรทำการสอบถามขนาดบ่อโรงงานชุบกัลวาไนซ์เนื่องจากแต่ละโรงงานก็มีขนาดบ่อสังกะสีที่แตกต่างกัน จึงต้องมีการวางแผนการตัดขนาดของเหล็กให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับบ่อที่ชุบ เป็นต้น

  2. การทำความสะอาดผิวเหล็ก
    การทำความสะอาดผิวเหล็กเป็นกระบวนการที่สำคัญที่ทำให้ผิวเหล็กหลังการชุบมีสภาพที่ดี ซึ่งการทำความสะอาดผิวเหล็กขึ้นอยู่กับลักษณะของผิวเหล็กชิ้นนั้น ๆ ซึ่งวิธีการและสารที่นำมาใช้ทำความสะอาดก็จะมีความแตกต่างกันออกไป เช่น การล้างด้วยน้ำสะอาดเป็นการกำจัดเศษฝุ่นหรือผงต่าง ๆ ซึ่งใช้สำหรับชิ้นเหล็กที่ไม่ต้องเตรียมผิวเป็นพิเศษ, การพ่นทรายใช้สำหรับงานชุบกัลวาไนซ์ที่ต้องการความละเอียดของผิวเหล็ก หรือสำหรับชิ้นเหล็กที่มีสนิมเกราะกรังรวมไปถึงมีสีติด, การล้างด้วยกรดใช้สำหรับชิ้นเหล็กที่มีการชุบกัลวาไนซ์หรือซิงค์มาก่อน เพื่อล้างกัลวาไนซ์หรือซิงค์ออกจากผิวของชิ้นเหล็กซึ่ง หลังจากทำความสะอาดผิวชิ้นเหล็กแล้วจะต้องนำชิ้นเหล็กมาล้างด้วยกรดเข้มข้นอีกครั้งเพื่อกัดสนิมขนาดเล็กที่เกาะตามผิวของชิ้นเหล็ก ซึ่งระยะเวลาที่แช่ขึ้นอยู่กับสภาพชิ้นเหล็กนั้น ๆ ซึ่งระยะเวลาขั้นต่ำในการแช่ชิ้นเหล็กในน้ำกรดเข้มข้นเริ่มต้นที่ 3 ชั่วโมง และในขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดคือการล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง

  3. การเพิ่มความสามารถในการยึดติด
    หลังจากทำความสะอาดแล้วต้องนำชิ้นงานมาชุบน้ำยาประสานเพื่อให้ชิ้นเหล็กสามารถยึดติดกับกัลวาไนซ์ได้ดี

  4. การสร้างชั้นเคลือบสังกะสีในเหล็ก
    โดยการนำชิ้นเหล็กจุ่มลงในบ่อสังกะสีที่หลอมเหลวสังกะสีจะกระจายเข้าไปในชั้นผิวของเหล็กทำให้เกิดการรวมตัวกับองค์ประกอบของแผ่นเหล็กเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งซึ่งเป็นการสร้างชั้นโลหะผสมระหว่างสังกะสีบริสุทธิ์กับเหล็ก ซึ่งชั้นโลหะดังกล่าวจะช่วยป้องกันพื้นผิวของเหล็กไม่ให้เกิดการกัดกร่อนจนทำให้เกิดสนิม

  5. การตกแต่งผิวชิ้นเหล็ก
    หลังการชุบกัลวาไนซ์หากต้องการให้สภาพผิวของชิ้นเหล็กมีความสวยงามมากขึ้นอาจมีการขัดด้วยตะไบหรือเจียร์หากพบการย้อยหรือความหนาที่มากเกินไปของสังกะสี

  6. ตรวจสอบความหนาของชั้นเคลือบชิ้นเหล็ก
    เป็นการตรวจสอบถึงความหนาของการชุบกัลวาไนซ์เพื่อให้ได้ตรงตามมาตรฐานหรือความต้องการของลูกค้าก่อนส่งมอบให้กับลูกค้าโดยจะใช้เครื่องมือในการตรวจสอบ

การชุบกัลวาไนซ์เป็นวิธีการในการปกป้องเหล็กให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นด้วยการใช้โลหะสังกะสี โดยสังกะสีบริสุทธิ์ SHG เป็นสังกะสีที่มีความบริสุทธิ์สูงจึงมีประสิทธิภาพในการปกป้องเหล็กจากผุกร่อนสนิมได้เป็นอย่างดี ทนทานต่อการกัดกร่อน ต้านทานต่อความเสียหายจากการกด กระแทกขณะขนส่ง ติดตั้ง และใช้งาน ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นฟันเฟือนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถเจริญเติบโตและสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี

แสงเจริญกัลวาไนซ์ จำกัด เป็นโรงงานชุบกัลวาไนซ์ที่มีขนาดบ่อชุบกัลวาไนซ์ที่ยาวที่สุดให้ประเทศไทย จึงสามารถรองรับเหล็กที่จะนำมาชุบได้หลากหลายขนาด อีกทั้งยังใช้สังกะสีบริสุทธ์ SHG ในการชุบเหล็กซึ่งเป็นชนิดของสังกะสีที่มีประสิทธิภาพสูงในการปกป้องสนิม อีกทั้งโรงงานชุบกัลวาไนซ์ยังได้รับมาตรฐาน เช่น OHSAS18001:2007, ISO9001:2015 พร้อมทีมงานที่ชำนาญและเชี่ยวชาญ
ที่จะทำให้เหล็กของท่านมีมาตรฐาน แข็งแรงและทนทานมากที่สุด


สนใจบริการหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร : 02-599-4115, 081-839-3049
LINE ID : @SCGgalvanize
Facebook : @Sangchareongroup