ความแตกต่างระหว่างการชุบกัลวาไนซ์ เหล็กชุบสี และเหล็กพ่นสี

ชุบกัลวาไนซ์ เหล็กชุบสี และเหล็กพ่นสี วิธีการเคลือบผิวเหล็กเพื่อป้องกันการกัดกร่อน

ชุบกัลวาไนซ์

เหล็กเป็นวัสดุที่สำคัญในงานก่อสร้างเนื่องจากเป็นวัสดุที่มักนำมาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่เหล็กชิ้นใหญ่ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารจนนอตขนาดเล็ก ๆ ที่ใช้ในการยึดโครงสร้างชิ้นต่าง ๆ หรือชิ้นส่วนงานยานยนต์ ดังนั้นเหล็กจึงต้องมีทั้งความแข็งแรงและความทนทานต่อการใช้งานแต่เหล็กก็มีศัตรูตัวสำคัญคือนั่นก็คือสนิมที่เกิดจากความชื้น “สนิม” สามารถกัดกร่อนผิวเหล็กได้จึงทำให้เหล็กมีความแข็งแรงและความทนทานน้อยลง ในงานอุตสาหกรรมจึงได้หาวิธีในการป้องกันการเกิดสนิมขึ้นมาเพื่อปกป้องพื้นผิวของเหล็กให้มีความแข็งแรง คงทน และปลอดจากสนิม ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบมีความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งวิธีการกันสนิมที่นิยมนำใช้ในการปกป้องเหล็กมีด้วยกัน 3 วิธี คือ การชุบกัลวาไนซ์ เหล็กชุบสี และเหล็กพ่นสี ซึ่งทั้ง 3 วิธีมีกระบวนการที่แตกต่างกันจึงทำให้เหล็กมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างด้วยเช่นกัน

 

ชุบกัลวาไนซ์ เหล็กชุบสี และเหล็กพ่นสี 3 วิธีในการปกป้องเหล็กจากสนิม

  1. ชุบกัลวาไนซ์
    เป็นวิธีที่สามารถป้องกันการเกิดสนิมได้เป็นอย่างดีจากความชื้นทำให้เหล็กมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ซึ่งการชุบกัลวาไนซ์เป็นกระบวนการที่นำเหล็กไปชุบในสังกะสีเพื่อให้สังกะสีปกป้องผิวเหล็กไม่ให้โดนความชื้นโดยตรงแต่สังกะสีจะรับการกัดกร่อนจากความชื้นแทน ซึ่งการชุบกัลวาไนซ์มี 2 วิธีที่นิยมนำมาใช้ในการป้องกันสนิมในเหล็กคือการชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อนและอิเล็กโทรกัลวาไนซ์


  2. เหล็กชุบสี
    เป็นกระบวนการที่คล้ายการชุบกัลวาไนซ์คือเป็นการนำเหล็กทั้งชิ้นไปชุบในสารที่ต้องการให้เคลือบเหล็ก ซึ่งสารที่ใช้ปกป้องเหล็กจากความชื้นในวิธีของเหล็กชุบสีจะใช้สีรองพื้นกันสนิม โดยสีรองพื้นกันสนิมก็มีหลายเกรด หลายสี และหลายราคา ขึ้นอยู่กับงบประมาณและลักษณะที่นำไปใช้งาน ซึ่งกระบวนการนำเหล็กไปชุบสีก็สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่นำสีรองพื้นกันสนิมไปผสมกับทินเนอร์ โดยก่อนจะทำการผสมสีต้องเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้รองชุบซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นท่อยาว ๆ ผ่าครึ่งหรือเป็นอ่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขนาดที่ยาวและใหญ่การเหล็กที่จะนำมาชุบ เมื่อผสมสีรองพื้นกันสนิมกับทินเนอร์เสร็จแล้วให้นำไปเทลงในอุปกรณ์รองชุบเหล็กและนำเหล็กลงไปชุบในอุปกรณ์ดังกล่าวและนำไปผึ่งให้แห้ง ซึ่งการชุบสีแบบนี้จะทำให้เนื้อสีมีความเรียบและหนาสม่ำเสมอกัน เม็ดสีสามารถแทรกซึมเข้าสู่ทุกส่วนของผิวเหล็กได้และเป็นวิธีที่รวดเร็วต่อการนำไปใช้งาน

    • การชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน
      เป็นกระบวนการที่นำเหล็กไปชุบกับสังกะสีเหลวที่มีความร้อนประมาณ 435-455 องศาเพื่อให้สังกะสีเหลวเคลือบที่ผิวเหล็กโดยมีความหนาของสังกะสีประมาณ 65-200 ไมครอน จึงสามารถทนทานต่อความชื้นได้ดีโดยเฉพาะอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย

    • อิเล็กโทรกัลวาไนซ์
      เป็นกระบวนการชุบเหล็กด้วยไฟฟ้าโดยการนำเหล็กลงไปชุบในอ่างอิเล็กโทรไลต์ที่มีสังกะสี เป็นการใช้ไฟฟ้าสร้างปฏิกิริยาที่ทำให้สังกะสีไปเคลือบบนผิวของเหล็ก ซึ่งจะมีความหนาประมาณ 6-10 ไมครอน เหล็กที่ใช้วิธีชุบอิเล็กโทรกัลวาไนซ์จะโดดเด่นที่ผิวเคลือบที่มีความเรียบเนียนและเงางามสวยงามเป็นอย่างมาก


  3. เหล็กพ่นสี
    คือ การนำการพ่นสีพ่นสีรองพื้นกันสนิมเพื่อให้เคลือบบนผิวเหล็กซึ่งวิธีนี้สามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ในระดับหนึ่งแต่อาจไม่ยาวนานเท่าการชุบกัลวาไนซ์และการชุบสี กระบวนของเหล็กพ่นสีมีอุปกรณ์คล้ายเหล็กชุบสีโดยมีการใช้สีรองพื้นกันสนิมผสมกับทินเนอร์ และนำไปเทลงในการพ่นสีหลังจากนั้นนำการพ่นสีเสียบเข้ากับสายปั๊มลมจากนั้นก็ฉีดพ่นสีลงบนเหล็กที่ต้องการเคลือบได้เลยโดยควรพ่นอย่างน้อย 2 รอบซึ่งควรพ่นรอบแรกให้แห้งก่อนแล้วจึงค่อยพ่นซ้ำอีกครั้ง

ความแตกต่างระหว่างชุบกัลวาไนซ์ เหล็กชุบสี และเหล็กพ่นสี

  1. สารที่ใช้ในการป้องกันความชื้น
    การชุบกัลวาไนซ์จะใช้สังกะสีเคลือบบนผิวเหล็กเพื่อให้สังกะสีรับการกัดกร่อนจากความชื้นแทนเหล็ก ส่วนเหล็กชุบสีและเหล็กพ่นสีจะใช้สีรองพื้นกันสนิมในการเคลือบเหล็กซึ่งสีดังกล่าวใช้ป้องกันความชื้นซึ่งมีโอกาสในการลอกล่อนได้ง่าย กว่าการชุบกัลวาไนซ์จึงทำให้เหล็กเกิดสนิมได้ง่ายกว่าและสารทั้งสองชนิดจะให้ระยะเวลาในการป้องกันความชื้นที่แตกต่างกัน

  2. กระบวนการและอุปกรณ์
    กระบวนการชุบและการพ่นมีความแตกต่างอย่างแน่นอนในอุปกรณ์เพราะการชุบอุปกรณ์จะเป็นอ่างเพื่อให้สามารถนำชิ้นงานเหล็กหย่อนลงไปชุบได้ทั้งชิ้น ส่วนการพ่นจะใช้การพ่นสีในการเคลือบสีรองพื้นกันสนิม และสำหรับการชุบกัลวาไนซ์ก็เป็นวิธีที่มีความพิเศษขึ้นมาเพราะมีกระบวนการในการเตรียมเหล็กสำหรับการชุบที่มากกว่าวิธีการอื่น ๆ ตั้งแต่การออกแบบรูปทรงของเหล็ก การเตรียมผิวเหล็กสำหรับการชุบ เป็นต้น แต่การชุบเหล็กและการพ่นส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องการเตรียมความสะอาดของผิวเหล็กเพื่อให้สีรองพื้นกันสนิมสามารถเกาะพื้นผิวได้ดีขึ้นเท่านั้น

  3. ความทนทานในการป้องกันสนิม
    วิธีการทั้ง 3 วิธีให้ผลการป้องกันสนิมที่แตกต่างทั้ง 3 วิธี การชุบกัลวาไนซ์จะให้การปกป้องเหล็กจากสนิมได้ดีกว่าวิธีอื่นเพราะสังกะสีไม่ได้เคลือบแค่ผิวเหล็กแต่สังกะสีมีการทำปฏิกิริยาจนเข้าไปเกาะในเนื้อเหล็กด้านในและเคลือบผิวเหล็กเป็นชั้นหนาขึ้นมาซึ่งระดับความหนาก็แตกต่างกันไปตามมาตรฐาน ความต้องการในการใช้งาน และงบประมาณ เหล็กชุบสีสามารถปกป้องเหล็กจากสนิมได้รองลงมาจากการชุบกัลวาไนซ์ซึ่งสีรองพื้นสามารถเข้าถึงเนื้อของโลหะได้เช่นกันแต่ไม่ได้เกาะยึดแน่นในเนื้อเหล็กเพียงแต่เกาะยึดบนผิวเหล็กเท่านั้นซึ่งการชุบทำให้สารปกป้องสามารถเคลือบครอบคลุมในทุกส่วนของผิวเหล็กได้ดี ส่วนเหล็กพ่นสีสามารถปกป้องเหล็กจากสนิมได้น้อยที่สุดจาก 3 วิธีเพราะแค่เคลือบอยู่บนผิวด้านบนของเหล็กเท่านั้นและมีโอกาสที่หลุดล่อนได้ง่ายและปริมาณของสีรองพื้นกันสนิมอาจจะไม่ครอบคลุมทั่วผิวเหล็กหรือไม่เท่ากันได้

  4. การนำไปใช้งาน
    การชุบกัลวาไนซ์ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทและมีการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันโดยการชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อนจะใช้กับเหล็กที่เป็นโครงสร้างที่ต้องอยู่กลางแจ้ง เช่น โครงสร้างหลังคา ผนัง เพดาน เสาโคมไฟถนน แต่สำหรับเหล็กชุบแบบอิเล็กโทรกัลวาไนซ์สามารถใช้ได้กับโครงสร้างภายในอาคารหรืออยู่ภายในร่มเท่านั้นแต่การชุบชนิดนี้จะได้ผิวเหล็กที่เรียบเนียนและเงางามมากกว่าการชุบกัลวาไนซ์แบบร้อน เหล็กชุบสีเหมาะสำหรับนำไปใช้ในงานโครงสร้างกลางแจ้งหรือพื้นที่ติดทะเลเพราะสีรองพื้นกันสนิมสามารถทนทานต่อไอทะเลได้เป็นอย่างดี เหล็กพ่นสีมักจะถูกใช้ในโครงสร้างที่ใช้งานในพื้นที่กลางแจ้งหรือกับสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ แต่ในอุตสาหกรรมยานยนต์วิธีการพ่นสีไม่เหมาะนำมาใช้งานควรใช้วิธีการชุบจะได้การปกป้องที่ดีกว่า

  5. ค่าใช้จ่าย
    ค่าใช้จ่ายในการชุบกัลวาไนซ์จะมีราคาที่สูงกว่าการชุบสีและการพ่นสีด้วยกระบวนการในการชุบที่มีขั้นตอนที่มากกว่าวิธีการอื่น ๆ สารที่นำมาใช้ในการเคลือบ ความหลากหลายในการชุบเนื่องจากการชุบกัลวาไนซ์สามารถชุบได้ทั้งเหล็กท่อและเหล็กรูปพรรณ และช่างที่ทำการชุบกัลวาไนซ์ต้องมีความชำนาญและเชี่ยวชาญในการชุบกัลวาไนซ์โดยเฉพาะแต่การชุบกัลวาไนซ์ก็ให้ผลในการปกป้องเหล็กจากสนิมได้มากกว่าวิธีการอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ส่วนการชุบสีและการพ่นสีค่าใช้จ่ายมีราคาค่อนข้างใกล้เคียงกันอาจจะแตกต่างกันตามชนิดของสีรองพื้นกันสนิมที่ใช้และค่าแรงงานช่าง เป็นต้น

ถึงแม้การชุบกัลวาไนซ์ เหล็กชุบสี และเหล็กพ่นสี จะมีทั้งความแตกต่างและความเหมือนกันแต่จุดประสงค์ของทั้ง 3 วิธีคือการปกป้องเหล็กจากความชื้นไม่ให้เป็นสนิมเพื่อให้เหล็กมีความแข็งแรง, ทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น โดยการเลือกใช้วิธีในการปกป้องเหล็กขึ้นอยู่ลักษณะในการนำไปใช้งาน, สถานที่ในการใช้งาน และงบประมาณ ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการปกป้องเหล็กจะมีความแตกต่างกันก็ตาม

หากมีความต้องการชุบกัลวาไนซ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเหล็กสามารถติดต่อสอบถามได้ที่แสงเจริญกรุ๊ปที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมการชุบเหล็ก พร้อมทีมงานและทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญที่จะช่วยให้เหล็กทุกชิ้นมีความแข็งแรง ทนทาน และได้มาตรฐานในการใช้งาน


โรงงานชุบกัลวาไนซ์ ที่มีบ่อชุบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ติดต่อ แสงเจริญ กัลวาไนซ์กรุ๊ป
โทร : 02-599-4115, 081-839-3049
LINE ID : @SCGgalvanize
Facebook : @Sangchareongroup

 

กรุณากรอกข้อความ...