เหล็กกัลวาไนซ์ HDG และ GI แตกต่างกันอย่างไร? เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับงานเหล็กรูปพรรณ

ทำความเข้าใจเหล็กกัลวาไนซ์สองประเภทที่ใช้งานในอุตสาหกรรมเหล็กรูปพรรณ

เหล็กรูปพรรณ

ในโลกของวัสดุก่อสร้างและงานอุตสาหกรรม เหล็กกัลวาไนซ์ถือเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากคุณสมบัติในการต้านทานการกัดกร่อนที่ดีเยี่ยม ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาใช้กับ เหล็กรูปพรรณ ที่เป็นโครงสร้างหลักในงานก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสับสนระหว่างเหล็กกัลวาไนซ์ประเภท HDG (ชุบ hot dip galvanized) และ GI (Galvanized Iron) เนื่องจากทั้งสองประเภทมีการใช้สังกะสีในกระบวนการผลิตเช่นเดียวกัน บทความนี้จะไขข้อสงสัยและอธิบายความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเหล็กกัลวาไนซ์ทั้งสองประเภท รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้กับเหล็กรูปพรรณชนิดต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้วัสดุได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า


เหล็กรูปพรรณคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรในงานก่อสร้าง

เหล็กรูปพรรณ (Structural Steel) คือเหล็กที่ผ่านกระบวนการผลิตให้มีรูปร่างและขนาดตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มีความแข็งแรงสูง และถูกออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักและแรงกระทำในโครงสร้างงานก่อสร้าง เหล็กรูปพรรณมีหลายประเภทตามลักษณะหน้าตัดและการใช้งาน ซึ่งแต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกันไป


ประเภทของเหล็กรูปพรรณที่นิยมใช้ในงานก่อสร้าง:

  • เหล็กเอชบีม (H-Beam) - มีรูปร่างคล้ายตัว H มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับใช้เป็นเสาและคานในอาคารขนาดใหญ่
  • เหล็กไอบีม (I-Beam) - มีรูปร่างคล้ายตัว I โดยความหนาของปีกจะบางกว่า H-Beam เหมาะกับงานที่รับน้ำหนักน้อยกว่า
  • เหล็กรางน้ำ (Channel) - มีรูปร่างคล้ายตัว C เหมาะสำหรับใช้เป็นคานรอง โครงกำแพง หรือโครงหลังคา
  • เหล็กฉาก (Angle) - มีรูปร่างเป็นมุมฉาก (L) ใช้ในงานเชื่อมต่อโครงสร้าง ค้ำยัน หรือเสริมความแข็งแรง
  • เหล็กท่อกลม (Round Pipe) - มีหน้าตัดเป็นวงกลม ใช้ในงานโครงสร้างที่ต้องการความสวยงามหรืองานระบบ
  • เหล็กท่อสี่เหลี่ยม (Square Tube) - มีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใช้ในงานโครงสร้างเบา โครงป้าย หรือเฟอร์นิเจอร์
  • เหล็กท่อสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangular Tube) - คล้ายท่อสี่เหลี่ยมแต่มีด้านไม่เท่ากัน เหมาะกับงานตกแต่งและโครงสร้างเบา
  • เหล็กพืด (Steel Plate) - เป็นแผ่นเหล็กที่มีความหนาตั้งแต่ 6 มม. ขึ้นไป ใช้ในงานโครงสร้างหนัก ฐานเครื่องจักร หรือถังเก็บ


ในการเลือกใช้เหล็กรูปพรรณสำหรับงานก่อสร้าง นอกจากจะพิจารณาด้านความแข็งแรงและคุณสมบัติทางวิศวกรรมแล้ว การป้องกันการกัดกร่อนด้วยกระบวนการกัลวาไนซ์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างเหล็กให้ยาวนานยิ่งขึ้น


ความหมายและกระบวนการผลิตของเหล็กกัลวาไนซ์แต่ละชนิด

เหล็กกัลวาไนซ์ HDG (Hot-Dip Galvanized) คืออะไร?

เหล็กกัลวาไนซ์ HDG หรือ Hot-Dip Galvanized เป็นผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผ่านกระบวนการชุบสังกะสีด้วยวิธีการจุ่มร้อน (Hot-Dip) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ผิวของเหล็กถูกเคลือบด้วยชั้นสังกะสีหนาและสม่ำเสมอ กระบวนการผลิตเหล็ก HDG มีขั้นตอนหลักดังนี้:

  1. การเตรียมผิวเหล็ก - เหล็กจะถูกนำมาทำความสะอาดด้วยน้ำยาที่เป็นกรด (Pickling) เพื่อกำจัดสนิมและสิ่งสกปรกออกจากผิวเหล็ก
  2. การจุ่มในฟลักซ์ - เหล็กจะถูกนำไปจุ่มในสารละลายฟลักซ์ (Flux) เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชันก่อนการชุบสังกะสี
  3. การจุ่มในอ่างสังกะสีหลอมเหลว - เหล็กจะถูกนำไปจุ่มในอ่างสังกะสีหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 450-460 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างเหล็กและสังกะสี เกิดเป็นชั้นโลหะผสมเหล็ก-สังกะสี (Fe-Zn alloy) ที่มีความแข็งแรงและยึดเกาะกับผิวเหล็กอย่างดี
  4. การทำให้เย็นตัว - หลังจากจุ่มในอ่างสังกะสีแล้ว เหล็กจะถูกนำออกมาทำให้เย็นตัวลงในอากาศหรือในน้ำ


ผลลัพธ์ที่ได้คือ เหล็กที่มีชั้นเคลือบสังกะสีหนาประมาณ 45-85 ไมครอนขึ้นไป ซึ่งประกอบด้วยชั้นโลหะผสมเหล็ก-สังกะสีหลายชั้นที่มีความแข็งแรงแตกต่างกัน และชั้นสังกะสีบริสุทธิ์ด้านนอกสุด


การชุบกัลวาไนซ์ HDG กับเหล็กรูปพรรณ: เหล็กรูปพรรณประเภทต่างๆ สามารถนำมาชุบ HDG ได้ โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้:

  • เหล็กเอชบีมและไอบีม - ต้องมีรูระบายอากาศที่เพียงพอเพื่อป้องกันการเกิดการระเบิดจากอากาศร้อนที่ถูกกักเก็บไว้ระหว่างการจุ่ม
  • เหล็กท่อ - ต้องมีการเจาะรูเพื่อให้สังกะสีไหลเข้าออกได้ทั่วถึงทั้งด้านในและด้านนอก
  • การออกแบบรอยเชื่อม - ควรออกแบบให้ไม่มีพื้นที่ที่สังกะสีไม่สามารถเข้าถึงได้ เพื่อป้องกันการเกิดสนิมจากภายใน


เหล็กกัลวาไนซ์ GI (Galvanized Iron) คืออะไร?

เหล็กกัลวาไนซ์ GI หรือ Galvanized Iron มักหมายถึงเหล็กแผ่นที่ผ่านการชุบสังกะสีด้วย ชุบเคลือบแบบต่อเนื่อง (Continuous Galvanizing Process) ซึ่งแตกต่างจากการจุ่มร้อนแบบ HDG กระบวนการผลิต GI มีลักษณะดังนี้:

  1. การผลิตแบบต่อเนื่อง - เหล็กม้วน (Steel Coil) จะถูกป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง
  2. การทำความสะอาดผิว - เหล็กจะถูกทำความสะอาดด้วยสารละลายเคมีหรือความร้อน
  3. การควบคุมการเคลือบสังกะสี - เหล็กจะวิ่งผ่านอ่างสังกะสีหลอมเหลวอย่างรวดเร็ว และปริมาณสังกะสีที่เคลือบจะถูกควบคุมด้วยใบมีด (Air Knife) ที่เป่าลมเพื่อปรับความหนาของชั้นเคลือบให้สม่ำเสมอ
  4. การบ่ม - เหล็กจะถูกนำไปผ่านกระบวนการบ่ม (Annealing) เพื่อให้ชั้นเคลือบมีความสม่ำเสมอและเกิดชั้นโลหะผสมเหล็ก-สังกะสีบางๆ

ผลลัพธ์ที่ได้คือ เหล็กที่มีชั้นเคลือบสังกะสีที่บางกว่า HDG (ประมาณ 7-42 ไมครอน) แต่มีความสม่ำเสมอสูงและมีผิวที่เรียบกว่า

การชุบกัลวาไนซ์ GI กับเหล็กรูปพรรณ: เนื่องจากกระบวนการผลิต GI เหมาะกับวัสดุที่เป็นแผ่นหรือม้วน จึงมีข้อจำกัดในการใช้กับเหล็กรูปพรรณบางประเภท:

  • เหมาะกับเหล็กแผ่นที่จะนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณในภายหลัง เช่น เหล็กรางน้ำ เหล็กท่อที่ผลิตจากแผ่นม้วน
  • ไม่เหมาะกับเหล็กรูปพรรณที่มีขนาดใหญ่หรือรูปทรงซับซ้อน เช่น เหล็กเอชบีม เหล็กไอบีมขนาดใหญ่


ความแตกต่างสำคัญระหว่างเหล็กกัลวาไนซ์ HDG และ GI

คุณสมบัติเหล็กชุบกัลวาไนซ์ HDG (Hot-Dip Galvanized)เหล็กชุบกัลวาไนซ์ GI (Galvanized Iron)
กระบวนการผลิต จุ่มร้อนในบ่อหลังกระบวนหลอมเหล็ก (Batch Process) ชุบเคลือบแบบต่อเนื่อง (Continuous Process)
ความหนาของชั้นเคลือบ 45-85 ไมครอนขึ้นไป 7-42 ไมครอน
โครงสร้างของชั้นเคลือบ มีชั้นโลหะผสมเหล็ก-สังกะสีหลายชั้น มีชั้นโลหะผสมเหล็ก-สังกะสีบางๆ ชั้นเดียว
ลักษณะของผิว อาจไม่เรียบสม่ำเสมอ มีลายยอดซินก์ (Spangle) เรียบสม่ำเสมอ
ความต้านทานการกัดกร่อน สูงมาก ปานกลางถึงดี
อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย 50-100 ปี 15-30 ปี
ความสามารถในการขึ้นรูป จำกัด ชั้นเคลือบอาจแตกกร่อนเมื่อพันหรือบิด ดี สามารถพับ ม้วน ขึ้นรูปได้ง่าย
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เหมาะกับอาคาร พื้นที่ชายทะเล พื้นที่มีสภาพกรด ภายในอาคาร หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่รุกรุนแรง
ราคา สูงกว่า ต่ำกว่า
การประยุกต์ใช้งานหลัก โครงสร้างงานไฟฟ้า ราวกันตก สะพาน โครงหลังคา แผงฝ้าเพดาน ท่อระบายอากาศ ฝาผนัง
วิธีการซ่อมแซม ทาสีสังกะสี หรือผงสังกะสีผสมของสังกะสี การซ่อมแซมเฉพาะส่วนที่เป็นไปได้ง่าย
และต้นทุนต่ำ
ความเหมาะสมในการเชื่อม ควรเลือกเป็นการจุดเชื่อมหรือใช้เครื่องมือเฉพาะ สามารถเชื่อมด้วยหลักการทั่วไป ง่ายกว่า
ความต้านทานแสงอุลตราไวโอเลต ทนต่อรังสี UV ได้ดี ไม่ทนต่อแสง UV
ความคุ้มค่าระยะยาว สูง เนื่องจากอายุการใช้งานยาวนาน
และต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำ
ปานกลาง เหมาะสำหรับโครงการ
ที่มีงบประมาณจำกัด

 

การเลือกใช้เหล็กรูปพรรณกัลวาไนซ์ให้เหมาะสมกับงาน

  1. ประเภทของเหล็กรูปพรรณ - เหล็กรูปพรรณแต่ละชนิดเหมาะกับวิธีการกัลวาไนซ์ที่แตกต่างกัน
  2. สภาพแวดล้อมการใช้งาน - พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อนสูง ควรเลือกเหล็กรูปพรรณที่ผ่านการชุบ HDG
  3. ข้อกำหนดด้านความแข็งแรง - ต้องคำนึงถึงผลกระทบของกระบวนการกัลวาไนซ์ต่อคุณสมบัติทางกลของเหล็ก
  4. การเชื่อมต่อและการประกอบ - การเชื่อมเหล็กรูปพรรณหลังการกัลวาไนซ์อาจทำให้ชั้นเคลือบเสียหาย ต้องมีการป้องกันที่เหมาะสม
  5. งบประมาณและอายุการใช้งานที่ต้องการ - เปรียบเทียบต้นทุนระยะยาวระหว่าง HDG และ GI

ประเภทเหล็กรูปพรรณเหมาะกับการชุบ HDGเหมาะกับการชุบ GIการใช้งานที่เหมาะสม
เหล็กเอชบีม (H-Beam) X โครงสร้างอาคารขนาดใหญ่, สะพาน, เสาส่งไฟฟ้า
เหล็กไอบีม (I-Beam) X โครงสร้างอาคาร, คานรับน้ำหนัก, โรงงานอุตสาหกรรม
เหล็กรางน้ำ (Channel) ✓ (ขนาดเล็ก) โครงหลังคา, รางสายไฟ, โครงฝ้าเพดาน
เหล็กฉาก (Angle) ✓ (ขนาดเล็ก) โครงข่ายยึด, ชั้นวางของ, โครงเสริม
เหล็กท่อกลม (Round Pipe) ✓ (เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 4 นิ้ว) ราวบันได, ราวกันตก, โครงสร้างเบา
เหล็กท่อสี่เหลี่ยม (Square Tube) ✓ (ขนาดเล็ก) โครงป้าย, โครงเฟอร์นิเจอร์, ประตูรั้ว
เหล็กท่อสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangular Tube) ✓ (ขนาดเล็ก) โครงผนังเบา, โครงกันสาด, โครงเสตนท์
เหล็กพืด (Steel Plate) ฐานเครื่องจักร, ถังเก็บน้ำ, แผ่นฝ้า/ผนัง/พื้น

 

การเลือกใช้งานเหล็กกัลวาไนซ์ให้เหมาะสม

อุตสาหกรรมการใช้งานเหล็กชุบสังกะสี HDGการใช้งานเหล็กชุบสังกะสี GI
งานก่อสร้าง โครงสร้างเสาไฟฟ้า, ราวกันตก, โครงหลังคาขนาดใหญ่, สะพาน แผ่นมุงหลังคา, ผนังเบา, ฝ้าเพดาน, โครงคร่าวฝ้า
งานสาธารณูปโภค เสาสัญญาณ, โครงสร้างป้ายโฆษณา, ป้ายทางหลวง ท่อระบายอากาศ, ท่อระบายน้ำ, ท่อแอร์
งานอุตสาหกรรม แผ่นวางท่อ, โครงสร้างใหญ่, ถังเก็บสารเคมี ตู้ควบคุมไฟฟ้า, ตู้สวิตช์บอร์ด, ชั้นวางสินค้า
งานชายทะเล โครงสร้างพื้นฐาน, สะพานท่าเรือ, ราวกั้น อุปกรณ์ที่ไม่ต้องสัมผัสน้ำทะเลโดยตรง
งานที่อยู่อาศัย รั้วบ้าน, โครงสร้างบันได, ถังเก็บน้ำ เฟอร์นิเจอร์, ชั้นเก็บของในบ้าน, ผนังกั้นความร้อน
งานระบบขนส่ง ราวกันตกทางด่วน, โครงสร้างสถานีรถไฟ ตู้คอนเทนเนอร์, ชั้นวางสายพานอัตโนมัติบางประเภท
งานพลังงาน โครงสร้างแผงโซลาร์เซลล์, เสากังหันลม ตู้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า, ระบบท่อส่งในโรงไฟฟ้า
งานเกษตรกรรม โรงเรือนขนาดใหญ่, โครงสร้างฟาร์ม อุปกรณ์การเกษตร, ระบบชลประทานขนาดเล็ก

 

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับเหล็กรูปพรรณกัลวาไนซ์

เมื่อใช้งานเหล็กรูปพรรณที่ผ่านกระบวนการกัลวาไนซ์ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้:

  1. การออกแบบรอยต่อ - ควรออกแบบรอยต่อให้น้ำไม่สามารถขังอยู่ได้ เพื่อป้องกันการกัดกร่อน
  2. การเชื่อมหลังการกัลวาไนซ์ - บริเวณที่ถูกเชื่อมหลังการกัลวาไนซ์ต้องได้รับการป้องกันด้วยสีที่มีส่วนผสมของสังกะสี
  3. การใช้ร่วมกับโลหะอื่น - ควรหลีกเลี่ยงการนำเหล็กกัลวาไนซ์มาสัมผัสกับโลหะที่มีศักย์ไฟฟ้าต่างกันมาก เพื่อป้องกันการกัดกร่อนแบบกัลวานิก
  4. มาตรฐานความหนาของชั้นเคลือบ - ควรตรวจสอบให้ความหนาของชั้นเคลือบเป็นไปตามมาตรฐาน เช่น ASTM A123 สำหรับเหล็กรูปพรรณที่ชุบ HDG
  5. การขนส่งและติดตั้ง - ต้องระมัดระวังไม่ให้ชั้นเคลือบเสียหายระหว่างการขนส่งและติดตั้ง
  6. การตรวจสอบคุณภาพ - ควรตรวจสอบความสม่ำเสมอของชั้นเคลือบและการยึดเกาะก่อนนำไปใช้งาน


เหล็กกัลวาไนซ์ HDG และ GI มีความแตกต่างกันในด้านความหนาของชั้นเคลือบสังกะสี กระบวนการผลิต ความทนทานต่อการกัดกร่อน ราคา และลักษณะภายนอก การเลือกใช้เหล็กกัลวาไนซ์ที่เหมาะสมกับประเภทของเหล็กรูปพรรณจะช่วยให้งานของคุณมีความทนทานและมีประสิทธิภาพสูงสุด

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ควรเลือกซื้อเหล็กกัลวาไนซ์จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้
  • ควรตรวจสอบความหนาของชั้นเคลือบสังกะสีให้ตรงตามมาตรฐาน
  • ควรเลือกใช้เหล็กกัลวาไนซ์ให้เหมาะสมกับลักษณะงานและสภาพแวดล้อม
  • สำหรับเหล็กรูปพรรณขนาดใหญ่ที่รับน้ำหนักมาก ควรเลือกใช้การชุบแบบ HDG เพื่อความทนทานสูงสุด
  • การเลือกขนาดและประเภทของเหล็กรูปพรรณควรคำนึงถึงการคำนวณทางวิศวกรรมควบคู่ไปกับการพิจารณาด้านการป้องกันการกัดกร่อน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้เหล็กกัลวาไนซ์สำหรับงาน เหล็กรูปพรรณ ของคุณ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถาม แสงเจริญ กัลวาไนซ์กรุ๊ป พร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้านเหล็กกัลวาไนซ์ ทั้ง ชุบ hot dip galvanized และ GI ที่มีคุณภาพ รวมถึงแนะนำการเลือกใช้เหล็กรูปพรรณที่เหมาะสมกับโครงการ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ยาวนานในวงการอุตสาหกรรมเหล็ก

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ

tel line fb youtube