ความแตกต่างระหว่างเหล็กชุบ hot dip galvanized และ stainless steel

ข้อดีข้อเสียของเหล็กชุบกัลวาไนซ์และสแตนเลสที่ควรรู้

เหล็กชุบกัลวาไนซ์

เหล็กเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญและนิยมนำมาใช้งานมากที่สุด ซึ่งคุณสมบัติของเหล็กนั้นมีความแข็งแรง ทนทาน สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในงานอุตสาหกรรมและงานสายการผลิต แม้แต่การก่อสร้างที่พักอาศัยก็ล้วนมีเหล็กเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น เหล็กที่ส่วนใหญ่นำมาใช้งานจะมีกระบวนการเคลือบสารที่บริเวณผิวเหล็กก่อน เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของสนิม ซึ่งเหล็กเคลือบสารหรือเรียกสั้นๆว่าเหล็กชุบนั้น มีอยู่หลายชนิด
ที่คนนำมาใช้งาน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันไป เหล็กชุบที่คนใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันก็คือเหล็กชุบกัลวาไนซ์ โดยนิยม
ใช้กระบวนการชุบ hot dip galvanized มาเคลือบตัวเหล็กเพื่อป้องกันการเกิดสนิม เหล็กอีกชนิดที่มีราคาสูงแต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของคนก็คือเหล็กกล้าไร้สนิมหรือสแตนเลสนั่นเอง ซึ่งเหล็กชนิดนี้มีความต้านทานการกัดกร่อนสูงสามารถป้องกันสนิมได้เช่นเดียวกับเหล็กชุบกัลวาไนซ์ 
บทความนี้เราจะพูดถึงความแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 แบบ ว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร


เหล็กชุบกัลวาไนซ์

เหล็กชุบกัลวาไนซ์คือเหล็กที่เคลือบผิวด้วยสังกะสี ซึ่งมีอยู่ 5 วิธี คือ

  1. วิธีการชุบ hot dip galvanized สามารถแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

    • การชุบแบบไม่ต่อเนี่อง (General Galvanizing)

    • การชุบแบบต่อเนื่อง (Continuous Galvanizing)

  2. การเคลือบด้วยไฟฟ้า (Electro galvanizing)

  3. การพ่นเคลือบด้วยเปลวความร้อน (Zinc Spraying)

  4. การทาด้วยสีฝุ่นสังกะสี (Zinc-Rich Paints)

  5. การเคลือบด้วยเทคนิคเชอร์ราไดซ์ซิ่ง (Sherardizing)

การชุบ hot dip galvanized เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด ซึ่งตัวสังกะสีจะมีความหนาอยู่ที่ 65-300 ไมครอน เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้งหรือบริเวณที่ต้องเจอความชื้นบ่อยๆ โดยเฉลี่ยใน 1 ปี ชั้นของสังกะสีจะกัดกร่อนไปเพียงแค่ประมาณ 1 ไมครอนเท่านั้น นั่นแปลว่าอายุการใช้งานของเหล็กชุบ
กัลวาไนซ์จะมีอายุมากกว่า 50 ปีเลยทีเดียว เนื่องจากเหล็กชุบกัลวาไนซ์มีสังกะสีเคลือบผิวอยู่จึงป้องกันการเกิดสนิมได้ ตัวเหล็กที่ชุบกัลวาไนซ์แล้ว
จะมีความแข็งแรงและทนทานเทียบเท่าเหล็กรูปพรรณ และที่สำคัญมีราคาถูก ส่วนข้อเสียของเหล็กชุบกัลวาไนซ์คือไม่เหมาะกับระบบประปาหรือระบบท่อ เนื่องจากสารพิษจากสังกะสีอาจปนเปื้อนไปกับน้ำได้ หากนำน้ำไปใช้อุปโภคบริโภคก็จะเป็นอันตรายกับร่างกาย การเชื่อมเหล็กชุบกัลวาไนซ์จะต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายอย่างเพียงพอ เพราะเหล็กมีสังกะสีเคลือบผิวอยุ่ ซึ่งก่อให้เกิดสารพิษจากสังกะสีได้ ถ้าวัตถุประสงค์ของการเลือกใช้งานเหล็กไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เหล็กชุบกัลวาไนซ์ก็ถือว่าคุ้มค่าและตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม

เหล็กกล้าไร้สนิมหรือสแตนเลส

เหล็กชนิดนี้มีส่วนผสมระหว่างเหล็ก โครเมียมและคาร์บอน แต่คาร์บอนจะมีอยู่ในปริมาณที่ต่ำ ซึ่งส่วนผสมหลักก็คือโครเมียม ตัวสารชนิดนี้จะช่วยสร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์ (chromium oxide film : CrO2 หรือเรียกว่า passive film) เคลือบอยู่ที่ผิวเหล็ก ทำให้ตัวเหล็กมีความต้านทานการกัดกร่อน แม้ผิวหน้าเหล็กจะถูกทำลายแต่โครเมียมก็จะสร้างฟิล์มเคลือบขึ้นมาใหม่ด้วยตัวมันเอง

โดยสแตนเลสแบ่งออกได้ 5 ประเภท ซึ่งจำแนกจากอัตราส่วนผสมและการใส่ธาตุอื่นๆเพิ่มเติมเข้าไป

ประเภทที่ 1 คือกลุ่มออสเทนนิติค (Austenitic) เป็นสแตนเลสที่คนนิยมนำมาใช้งาน เนื่องจากขึ้นรูปง่าย ใช้งานเกี่ยวกับความสะอาดและอนามัยได้ดี แม่เหล็กดูดไม่ติดและทนต่อการกัดกร่อนได้ดีมาก

ประเภทที่ 2 คือกลุ่มเฟอร์ริติค (Ferritic) เป็นสแตนเลสที่มักใช้ในงานผลิตถังน้ำ เครื่องครัว สามารถทนความร้อนการกัดกร่อนได้ดีแต่มีข้อจำกัดในการขึ้นรูป

ประเภทที่ 3 คือกลุ่มมาร์เทนซิติค (Martensitic) สแตนเลสชนิดนี้จะมีความทนทานมากขึ้นแต่มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนได้ปานกลาง และมีข้อจำกัดในเรื่องการเชื่อมเนื่องจากมีปริมาณคาร์บอนสูง

ประเภทที่ 4 กลุ่มดูเพล็กซ์ (Duplex Stainless Steel) สแตนเลสชนิดนี้มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนและแตกร้านได้ดี แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดหรือด่างก็ตาม

ประเภทที่ 5 กลุ่มเพิ่มความแข็งด้วยการตกผลึก เป็นสแตนเลสที่มีความแข็งแรงและทนต่อการกัดกร่อนได้ดี นิยมนำมาทำแกนสิ่งต่างๆเพราะสามารถขึ้นรูปได้ในทีเดียว

แม้ว่าสแตนเลสจะมีความต้านทานการกัดกร่อนสูงขนาดไหนแต่ราคาก็สูงมากเช่นกัน เมื่อเทียบกับเหล็กชุบกัลวาไนซ์ที่มีคุณสมบัติสามารถป้องกันสนิมได้และอายุการใช้งานยาวนานเหมือนกัน ในเรื่องของการใช้งานนั้น เหล็กชุบกัลวาไนซ์ก็สามารถทำประโยชน์ได้ไม่แตกต่างกันซักเท่าไร เหล็กชุบกัลวาไนซ์จะมีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานของเรามากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการรับชุบ hot dip galvanized ซึ่งก็คือหน้าที่ของโรงงานที่
รับชุบ hot dip galvanized หากกระบวนการชุบ hot dip galvanized ของโรงงานไม่ได้มาตรฐาน เหล็กชุบกัลวาไนซ์ที่ได้รับมาก็อาจจะไม่มีคุณภาพและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ บริษัทแสงเจริญกัลวาไนซ์กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทของไทยที่ให้บริการด้านงานชุบกัลวาไนซ์ ซึ่งมีบ่อชุบกัลวาไนซ์ขนาดยาวที่สุดในประเทศไทย มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ระบบเตาชุบใช้เทคโนโลยีจากประเทศอังกฤษได้มาตรฐานยุโรป หมดปัญหาเรื่องเหล็กมีขนาดใหญ่เกินบ่อชุบทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการชุบเพิ่ม เพราะบ่อสามารถรองรับชิ้นงานเหล็กที่มีขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัท
มีทีมงานด้านเทคนิคที่จะคอยแนะนำการใช้งานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าอีกด้วย


สรุป

ในยุคปัจจุบันที่ของราคาถูกไม่ได้แปลว่าคุณภาพจะต่ำตามราคา หลายอย่างมีราคาที่ถูกแต่คุณภาพกับสวนทางกัน เหล็กชุบกัลวาไนซ์เมื่อเทียบกับสแตนเลสแล้วอาจจะดูด้อยกว่าในเรื่องการใช้งานบางอย่าง แต่ถ้ามองในด้านของการลงทุนที่คุ้มค่านั้น เหล็กชุบกัลวาไนซ์ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่น้อยไปกว่าสแตนเลสเลย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการกัดกร่อนของสนิมหรืออายุการใช้งานที่ยาวนาน บำรุงรักษาง่าย ตัวเหล็กชุบกัลวาไนซ์ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ประสิทธิภาพของเหล็กจะดีเหมือนที่คิดไว้หรือไม่นั้น กระบวนการรับชุบ hot dip galvanized ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน
การเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานจะช่วยให้เหล็กที่จะใช้งานได้คุณภาพตามไปด้วย


สนใจบริการหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร : 02-599-4115, 081-839-3049
LINE ID : @SCGgalvanize
Facebook : @Sangchareongroup